การทอดกฐิน หรือ บุญกฐิน ประวัติทางศาสนา คือ การถวายทานที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ในคัมภีร์พระวินัยปิฎก ชื่อ มหวัคค์ เรื่อง กฐินขันธกะ (หมวดว่าด้วยกฐิน) ซึ่งมีใจความดังนี้
ครั้งหนึ่ง มีภิกษุชาวปาไฐยรัฐ หรือ เมืองปาวา จำนวน 30 รูป ได้มุ่งหน้าเดินทางไปยังเมืองสาวัตถี ด้วยหวังจะเข้าเฝ้าพระผู้มีภาคเจ้า ซึ่งประทับอยู่ ณ วัดเชตุวันมหาวิหาร แต่พอเดินทางมาถึงเมืองสาเกตุ ก็เข้ากาลพรรษาเสียก่อน ภิกษุทั้ง 30 รูป จึงต้องจำพรรษาที่เมืองสาเกตุในระหว่างทาง ซึ่งขณะที่จำพรรษาอยู่นั้น เหล่าภิกษุได้มีความกระวนกระวายใจ เพราะต้องการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ดังนั้น เมื่อออกพรรษา ภิกษุทั้ง 30 รูป รีบออกเดินทางไปเข้ายังเมืองสาวัตถีทันที ด้วยความยากลำบาก เนื่องจากฝนยังตกชุก ดินโคลนระหว่างทางได้เลอะเปรอะเปื้อนจีวรภิกษุทั้งหลาย และเมื่อได้เข้าเฝ้าพระศาสดาพระพุทธองค์ได้ตรัสถามถึงการเดินทาง จนได้ทราบถึงความลำบากของภิกษุเหล่านั้น จึงเป็นเหตุให้มีพระพุทธานุญาตให้กรานกฐิน โดยให้ภิกษุผู้จำพรรษาครบถ้วนไตรมาสสามารถรับผ้ากฐินหลังวันออกพรรษา (ตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 จนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12)
นอกจากนี้ ภิกษุผู้ได้กรานกฐินจักได้อานิสงส์ 5 ประการ ในเวลาอานิสงส์กฐิน (นับจากวันที่รับกฐิน – วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4) ดังนี้
ความหมายของกฐินหมายความว่าอย่างไร
กฐิน เป็นคำบาลี แปลว่า กรอบไม้ หรือ ไม้แบบ (สะดึง) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ไม้สำหรับขึงผ้าที่จะเย็บเป็นจีวรในมัยโบราณ และเรียกผ้าที่เย็บสำเร็จด้วยวิธีนี้ว่า ผ้ากฐิน คือ ผ้าเย็บจากไม้แบบ นั่นเอง
สำหรับผ้าที่จะทำเป็นผ้ากฐิน จะเป็นผ้าใหม่ ผ้าเทียมใหม่ ผ้าเก่า หรือ ผ้าบังสุกุล ก็ได้ แต่ผ้าเหล่านี้จะต้องมีขนาดที่สามารถทำไตรจีวรผืนใดผืนหนึ่งได้
ผ้าไตรจีวรของพระสงฆ์มีอะไรบ้าง
ผ้าไตรจีวรของพระสงฆ์ ประกอบไปด้วย 1) สบง คือ ผ้านุ่ง 2) จีวร คือ ผ้าห่ม 3) สังฆาฏิ คือ ผ้าพาด หรือผ้าช้อนห่ม ซึ่งผ้าเหล่านี้คือผ้าองค์กฐิน ส่วนอื่น ๆ ไม่ใช่องค์กฐิน แต่เป็นบริวารกฐิน ซึ่งจะมีมากน้อยเท่าไรก็ได้ ตามแต่ศรัทธาของผู้ถวาย
กฐินตามอรรถกถาฎีกา มี 2 ลักษณะ ได้แก่
1. จุลกฐิน คือ การทอดกฐินที่ต้องทำด้วยความรีบด่วน โดยต้องอาศัยความสามัคคีของผู้ศรัทธาจำนวนมาก เพื่อผลิตผ้าไตรจีวรด้วยมือให้สำเร็จภายในหนึ่งวัน ตั้งแต่การเก็บฝ้าย การกรอ การทอ ตัดเย็บ และย้อม ทำให้เป็นขันธ์ ตามขนาดพระวินัย แล้วทอดถวายภายในวันนั้น
2. มหากฐิน คือ การจัดหาผ้ามาเป็นองค์กฐิน พร้อมเครื่องไทยธรรม บริวารกฐินจำนวนมาก โดยไม่ต้องเร่งรีบแบบจุลกฐิน แต่มีระยะเวลาในการรวบรวมหาทุนเพื่อนำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไป เช่นทำการบูรณะซ่อมแซมภายในวัด โดยมหากฐินสามารถมีเจ้าภาพเพียงคนเดียว หรือ กฐินสามัคคีก็ได้
มีความเชื่อมาตั้งแต่โบราณ การทอดกฐินเป็นพิธีบุญที่มีอานิสงส์แรง เพราะคำว่า กฐิน นอกจากจะแปลว่าไม้สะดึงแล้ว แต่ในภาษาฮินดี กฐินะ แปลว่า “ยาก” เนื่องจากการทอดกฐินเป็นการทำบุญที่เกิดได้ยาก หากไม่ศรัทธาจริง ๆ ก็ยากที่จะทำได้ ด้วยบุญกฐินมีข้อจำกัดมากมาย ซึ่งแตกต่างไปจากการถวายทานอื่น ๆ และห้ามขาดข้อใดหรือผิดแปลกไป ไม่เช่นนั้น จะถือว่าเป็นการทำบุญทั่วไป ไม่ใช่การทำบุญกฐิน ข้อจำกัดอันเป็นสาเหตุที่ทำให้การทำบุญกฐินได้บุญมาก ประกอบไปด้วย
พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสไว้ ใครที่ได้ทอดกฐิน หรือมีส่วนร่วมในการทำบุญทอดกฐิน จะปรารถนาเป็นพุทธเจ้าก็ได้ อัครสาวกก็ได้ หรือพระอรหันต์ก็ได้ และเมื่อผลบุญที่สะสมมาเริ่มน้อยลง ก็จะไปเป็นพระมหากษัตริย์ 500 ชาติ เป็นมหาเศรษฐี 500 ชาติ เป็นอนุเศรษฐี 500 ชาติ เป็นคหบดีอีก 500 ชาติ ตามลำดับ นอกจากนี้ อานิสงส์ของการร่วมทำบุญทอดกฐินยังมีอีกมากมาย อาทิ เช่น