แบตเตอรี่รถยนต์ประเภทต่าง ๆ มีอะไรบ้าง? ฉันใช้แบตเตอรี่รถยนต์ยี่ห้ออะไร แบตเตอรี่ที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้รถของคุณเสียหายได้หรือไม่?

E

แบตเตอรี่รถยนต์ประเภทต่าง ๆ มีอะไรบ้าง

แบตเตอรี่รถยนต์ประเภทต่าง ๆ มีอะไรบ้าง

ปัจจุบันแบตเตอรี่รถยนต์มีหลายประเภทด้วยกัน เพื่อให้เหมาะสมต่อการใช้งานกับรถแต่ละประเภท ซึ่งแบตเตอรี่ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย ได้แก่ 

  1. แบตเตอรี่เปียก หรือ แบตเตอรี่น้ำกลั่น คือ แบตที่ต้องคอยเช็คระดับน้ำกลั่น และเติมน้ำกลั่นเมื่อระดับน้ำพร่องไปจากขีดที่กำหนดไว้ หรือเติมสัปดาห์ละครั้งเพื่อให้รถยนต์พร้อมใช้งานอยู่เสมอ ซึ่งแบตเตอรี่แบบน้ำจะไม่เหมาะกับรถยนต์ที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก เช่น รถติดเครื่องเสียงหนัก ๆ เป็นต้น  
  2. แบตเตอรี่กึ่งแห้ง คือ แบตเตอรี่รถที่พัฒนามาจากแบตชนิดน้ำกลั่น ด้วยการทำให้ของเหลวในแบตเตอรี่มีความเข้มข้นมากขึ้น ระเหยได้ช้าลง จึงทำให้ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อย ๆ เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลหรือคอยเติมน้ำกลั่นบ่อย ๆ  
  3. แบตเตอรี่แห้ง คือ แบตเตอรี่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งาน โดยจะมีแผ่นปิดซีลไว้หลายชั้น ป้องกันน้ำกรดในแบตฯ ระเหยออก จึงไม่ต้องคอยดูแลอะไรมาก ทำให้เป็นแบตเตอรี่ชนิดที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะแบตเตอรี่แห้งแบบตะกั่ว – กรด ซึ่งจะมีตาแมวไว้ใช้สำหรับเช็คระดับน้ำกรด และระดับไฟ 
  4. แบตเตอรี่ไฮบริด คือ แบตเตอรี่ที่พัฒนามาจากแบตเตอรี่น้ำเช่นกัน แต่จะใช้โลหะชนิดแผ่นธาตุลบ เพื่อปรับระดับการระเหยของน้ำกลั่นน้อยลง มีกำลังแรงสตาร์ทมากกว่าแบตเตอรี่ชนิดน้ำ มีอายุการใช้งานได้นานกว่า ซึ่งแบตเตอรี่ไฮบริดนี้มักจะใช้กับรถที่ใช้งานหนัก ๆ เช่น รถบรรทุก รถโดยสาร รถรับจ้าง เป็นต้น 

แบตเตอรี่รถยนต์ยี่ห้อไหนดี

แบตเตอรี่รถยนต์ยี่ห้อไหนดี

คำถามที่มักจะวนเวียนในหัวเมื่อต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ หรืออยากจะเปลี่ยนยี่ห้อแบตเตอรี่ที่ติดมากับรถตอนซื้อจากโชว์รูม คือ จะเลือกแบตเตอรี่รถเก๋งยี่ห้อไหนดี ซื้อแบตเตอรี่แห้งยี่ห้อไหนดี ไม่รู้ว่าแบตเตอรี่รถยนต์ยี่ห้อไหนดีที่สุด ทำให้บางคนยอมเลือกแบตเตอรี่ราคาแพง เพราะคิดว่าจะเป็นแบตเตอรี่ที่ดีที่สุด หรือเป็นแบตเตอรี่รถยนต์ที่ทนที่สุด ซึ่งที่จริงแล้วแบตเตอรี่รถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก คือ แบตเตอรี่ที่เหมาะกับรถของคุณที่สุด ไม่ว่าจะเป็นด้านขั้วที่ตรงกัน ปริมาณแอมป์ ค่าประจุไฟ และขนาดของแบตเตอรี่

วิธีเลือกแบตเตอรี่ให้เหมาะกับรถมีอะไรบ้าง 

วิธีเลือกแบตเตอรี่ให้เหมาะกับรถมีอะไรบ้าง 
  1. จำนวนแอมป์ของแบตเตอรี่ เพราะรถแต่ละยี่ห้อและแต่ละรุ่นนั้นจะมีขนาดแอมป์ที่ต่างกันไป เจ้าของรถจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ว่ารถของตนเป็นรถประเภทอะไร และต้องใช้แบตเตอรี่รถยนต์ขนาดกี่แอมป์ เช่น 
  • รถเก๋งญี่ปุ่น เครื่อง 2000 – 3000 cc ใช้แบตเตอรี่ขนาด 60 – 75 Ah 
  • รถเก๋งยุโรป เครื่อง 2000 – 3000 cc ใช้แบตเตอรี่ขนาด 70 – 90 Ah 
  • รถกระบะ    เครื่อง 2000-3000 cc ใช้แบตเตอรี่ขนาด  70-90 Ah

ควรเลือกขนาดแอมป์ให้เท่ากับแบตเตอรี่ลูกเดิมที่ติดมากับรถ เพราะจะพอดีและเหมาะสมกับรถ หรืออาจมากกว่าเล็กน้อย อย่าให้มากเกินไป หรือมีขนาดแอมป์น้อยกว่าแบตลูกเดิม เพราะจะทำให้มีปัญหากับไดชาร์จ 

  1. ค่า CCA เลือกกำลังสตาร์ทแบตเตอรี่ให้พอดี หรืออาจมากกว่าแบตเตอรี่ที่ติดมากับรถ แรงสตาร์ทยิ่งมากเท่าไรยิ่งดี เพราค่าสตาร์ทมากขึ้น จะทำให้รถสตาร์ทง่ายขึ้น เช่น 
  • B24 ค่า CCA 295++ 
  • D26 ค่า CCA 370+
  • Din100 ค่า CCA 660+ 
  1. แบตเตอรี่ใหม่ ต้องไม่เป็นแบตเตอรี่ค้างสต็อก แบตเตอรี่เก่าเก็บ โดยจะต้องดูวันหมดอายุที่ระบุไว้บนแบตเตอรี่เสมอ เพราะแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานจำกัด หากได้แบตเก่าหรือแบตรถค้างสต็อก ทำให้ใช้ได้ไม่นาน แบตรถยนต์หมดเร็ว ต้องซื้อใหม่บ่อย ยิ่งเป็นการสิ้นเปลือง และไม่คุ้มค่าต่อการใช้งาน 
  1. ยี่ห้อแบตเตอรี่เชือถือได้ ควรเลือกแบตเตอรี่ยี่ห้อเป็นที่รู้จัก มีมาตรฐานรับรองอย่าง G7 Battery เพื่อรับรองความปลอดภัยต่อการใช้งาน และลดความเสี่ยงที่จะได้แบตเตอรี่รถยนต์ปลอมหรือมีการดัดแปลง 
  1. แบตเตอรี่ราคาเหมาะสม กับประเภทของแบตฯ รถแต่ละชนิด รวมไปถึงประเภทรถที่ใช้ โดยสามารถตรวจสอบราคาแบตรถยนต์จากหลาย ๆ ร้านด้วยกัน เพื่อเปรียบเทียบ หรือเลือกซื้อแบตเตอรี่จากแหล่งจำหน่ายโดยตรงของแบรนด์นั้น ๆ เพราะจะได้ในราคามาตรฐาน 
  1. สไตล์การใช้รถ ว่าเหมาะกับแบตเตอรี่ประเภทไหน เพราะถ้าไม่มีเวลาคอยเช็ค หรือไม่ค่อยรู้เรื่องเครื่องยนต์ ไม่ควรเลือกใช้แบตเตอรี่น้ำ แต่อาจต้องเลือกใช้แบตเตอรี่แห้งแทน หรือปรึกษากับร้านจำหน่ายแบตเตอรี่ เพื่อให้ได้แบตเตอรี่ที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณให้มากที่สุด 

ซื้อแบตเตอรี่ผิด รถพังไหม 

ซื้อแบตเตอรี่ผิด รถพังไหม

หากเผลอซื้อแบตเตอรี่ผิด ไม่ตรงกับรุ่นและประเภทรถที่ใช้อยู่ ย่อมส่งผลต่อความเสียหายกับรถยนต์ได้แตกต่างกันไป เช่น 

  • ซื้อแบตเตอรี่รถที่มีค่า Ah ไม่ตรงกับมาตรฐานแบตฯ รถลูกเดิมที่ติดตั้งมากับโรงงาน โดยเฉพาะแบตเตอรี่รถยนต์ที่มีค่า Ah ต่ำกว่าแบตฯ ลูกเดิม จะทำให้แบตเสื่อมเร็วขึ้น เนื่องจากความสามารในการจ่ายประจุไฟน้อยกว่าการใช้จริงของรถ ยิ่งทำให้แบตเตอรี่ต้องคายประจุไฟสะสมมากกว่าแบตเตอรี่ขนาดมาตรฐาน และส่งผลเสียต่อการทำงานของไดชาร์จ อีกทั้งยังทำให้ไดสตาร์ททำงานหนักขึ้นตามไปด้วย 
  • ซื้อแบตเตอรี่น้ำกลั่นมาใช้เพราะราคาถูก แต่ไม่เคยเช็กระดับน้ำกลั่น หรือไม่ค่อยเติมน้ำกลั่น และมักจะปล่อยให้แบตรถหมดบ่อย ๆ ส่งผลให้แบตเสื่อมเร็วขึ้น 
  • ซื้อแบตผิดขั้วไม่ตรงกับจุดเดิม ไม่สามารถใช้งานได้ ยิ่งถ้าไปฝืนพยายามดันหรือทุบ เพื่อให้แบตเข้าล็อค ด้วยความเสียดายกับเงินที่จ่ายไป อาจทำให้ไฟช็อตไหม้รถ หรือรถระเบิดได้  
  • ซื้อแบตเตอรี่ที่มีค่า CAA และ ขนาดแอมป์ต่ำ ใช้กับรถติดเครื่องเสียง นอกจากจะระบบไฟฟ้าจะไม่ทำงานแล้ว แต่เสี่ยงแบตเสื่อมจากแบตหมดเร็ว และส่งผลไปยังระบบอื่น ๆ ภายในเครื่องยนต์รวนตาม ๆ กันไป ทำให้รถมีปัญหา และมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

จนมาถึงตรงนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการจะเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ลูกใหม่ คงพอจะรู้หลักวิธีการเลือกแบตรถยนต์ต้องดูจากอะไรบ้าง เพื่อให้ได้แบตเตอรี่ที่ดีที่สุดสำหรับรถของคุณ และสามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่าที่สุด มากกว่าเพียงแค่คำนึงยี่ห้อหรือราคาแบตเตอรี่ เพราะแบตเตอรี่รถยนต์ยี่ห้อที่ดีที่สุด คือ แบตเตอรี่ยี่ห้อไหนดีและเหมาะสมกับรถยนต์ของคุณที่สุด  


Leave a comment
Your email address will not be published. Required fields are marked *